ทุกความเคลื่อนไหวจาก กบข.
เรื่อง ข้าวแกงชามละ 10 สลึง
สมัยเรียนจำได้ว่าข้าวแกงชามละ 10 สลึง พูดแบบนี้..ท่านผู้อ่านคงคิดต่อให้ว่า สมัยนี้ของแพง 10 สลึงในวันนี้จึงทำอะไรไม่ได้ ขึ้นรถเมล์ยังไม่ได้เลย ที่จริงคำอธิบายไม่ได้มีเพียงแต่ว่าข้าวของแพงขึ้น หากแต่รวมถึงค่าของเงินเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา (Time Value of Money) เวลาผ่านไป เงินเท่าเดิมกลับมีมูลค่าน้อยลง ของที่เคยซื้อด้วยเงินเท่ากัน กลับต้องใช้เงินจำนวนมากกว่ามาซื้อ ด้วยเหตุนี้ เมื่อเรากู้เงิน เราจึงต้องจ่ายดอกเบี้ยเพราะดอกเบี้ยคือเงินที่ผู้ให้เรากู้ได้เพิ่มเพื่อชดเชยค่าเงินที่ลดไปเมื่อวันเวลาผ่านไป
ประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงค่าเงินเมื่อวันเวลาผ่านไปยังเกี่ยวพันกับเงินออมและผลตอบแทนจากการลงทุนของเราด้วยเหมือนกัน ถ้าเราหวังจะมีเงินใช้เฉลี่ยเดือนละ 3,000 บาทหลังเกษียณ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรเก็บไว้สำหรับใช้เดือนละ 3,000 บาท เพราะเมื่อวันนั้นมาถึง เงิน 3,000 บาทที่เราสำรองไว้เพื่อใช้ทุกเดือน อาจจะมีค่าเหมือนเงิน 10 สลึงในยุคนี้ ที่ซื้ออะไรแทบไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ การออมเงินหรือการลงทุนที่ดี จึงต้องออมและลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่มากกว่าปริมาณที่ต้องการใช้ในอนาคต ที่สำคัญคือต้องออมเพิ่มด้วยปริมาณที่ชนะเงินเฟ้อ
เหตุที่เงินเฟ้อนำมาใช้เป็นแนวทางออมหรือวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุนก็เพราะเงินเฟ้อคือตัวเลขที่สะท้อนระดับราคาสินค้า-บริการที่สูงขึ้นตามช่วงเวลา ถ้าเราสามารถออม หรือได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในอัตราที่ชนะเงินเฟ้อ ก็หมายความว่าเราได้เพิ่มเงิน (กรณีออม) หรือได้เงินเพิ่ม (กรณีลงทุน) เพื่อชดเชยค่าเงินที่จะลดน้อยตามกาลเวลาไปแล้ว
นี่คือที่มาที่ไปที่ กบข. กำหนดภารกิจชัดเจนว่าต้องบริหารเงินออมของสมาชิกให้ได้ผลตอบแทนระยะยาวที่ชนะเงินเฟ้อ